วันพุธที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2555

คาร์ล ลาร์สสัน



คาร์ล ลาร์สสัน (Carl Larsson) 28 พฤษภาคม ค.ศ. 1853 - 22 มกราคม ค.ศ. 1919
เป็นจิตรกรและนักตกแต่งภายในชาวสวีเดนของคริสต์ศตวรรษที่ 19 และ 20
ประวัติ
คาร์ล ลาร์สสันเกิดในบริเวณเมืองเก่าของสตอกโฮล์ม 
บิดามารดาของลาร์สสันมีฐานะยากจนแสนเข็ญ ชีวิตในวัยเด็กเป็นชีวิตที่เต็มไปด้วยความทุกข์ 
เรนาเต พูโวเกิลในหนังสือ “Larsson” กล่าวถึงชีวิตยามเยาว์วัยว่า “แม่ถูกไล่ออกจากบ้านพร้อมด้วยคาร์ลและน้องชายโยฮัน 

หลังจากย้ายจากบ้านที่อยู่ชั่วคราวหลายหลังครอบครัวก็ย้ายไปอยู่ที่ เอิร์สเตอร์มาล์ม 
ที่พำนักนี้แต่และห้องก็อยู่ด้วยกันสามครอบครัว สภาพที่้ทั้งเสื่อมโทรมทั้งโสโครกที่บั่นทอนทั้งร่างกายและจิตใจ สภาวะดังกล่าวเป็นแหล่งเผยแพร่ เชื้ออหิวาตกโรค

บิดาของคาร์ลเป็นคนไม่เอาถ่าน ทำงานเป็นกรรมกร ในเรือ
เป็นคนเติมถ่านหินบนเรือที่วิ่งไปยังสแกนดิเนเวีย ไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าที่ ใกล้โรงสี
ในที่สุดก็กลายเป็นกรรมกรแบกข้าว 

ลาร์สสันกล่าวถึงบิดาว่าเป็นผู้ปราศจากความรัก, ผู้ขาดการควบคุมตนเอง เป็นคนติดเหล้า, โวยวายเสียงดัง และ มีความโกรธเกลียดลาร์สสันจนตลอดชีวิต 
พ่อของลาร์สสัน กล่าวว่า “ฉันสาปแช่งวันที่เจ้าเกิด” 
ส่วนแม่ฯต้องทำหน้าที่เลี้ยงครอบครัวมาโดยตลอดจากการทำงานเป็นคนซักผ้า

พรสวรรค์ทางศิลปะของลาร์สสันอาจจะมาจากตาผู้เป็นจิตรกร เมื่ออายุได้ 13 ยาค็อปสัน ครูโรงเรียนสำหรับเด็กยากจน สนับสนุนให้ลาร์สสันชิงทุน "principskola" ของ ราชสถาบันศิลปะสวีเดน
ซึ่งลาร์สสันก็สามารถชิงทุนได้
ระหว่างปีสองปีแรก ลาร์สสันมีความรู้สึกถึงฐานะที่ต่ำต้อยทางสังคมของตนเอง
,สับสน และ ขี้อาย

ในปี ค.ศ. 1869 เมื่ออายุได้ 16 ปีลาร์สสันก็ได้เลื่อนชั้น ไปเข้า "antique school" ในสถาบันเดียวกัน ตั้งแต่นั้นลาร์สสันก็เริ่มมีความเชื่อมั่นในตนเองมากขึ้น
และถึงกับเป็นผู้มีบทบาทผู้นำนักศึกษา  ลาร์สสันได้เหรียญรางวัลแรกจากงานลายเส้นภาพเปลือย
ในช่วงเดียวกันก็ทำงานเป็นนักเขียนภาพล้อเลียนบุคคลในหนังสือพิมพ์ชวน ขัน "คาสเปอร์" และศิลปินคลาสสิคสำหรับหนังสือพิมพ์ "Ny Illustrerad Tidning"

รายได้ประจำปี ที่ได้มาก็พอเพียงสำหรับช่วยเหลือจุนเจือบิดามารดาด้วย

ค่ำก่อนวันคริสต์มัส (ค.ศ. 1904–ค.ศ. 1905)

Frukost under stora björken ("อาหารเช้าใต้ต้นเบิร์ชใหญ่"), ค.ศ. 1896

หลังจากทำงานอยู่หลายปีเป็นนักเขียนภาพประกอบหนังสือ, นิตยสาร และ หนังสือพิมพ์แล้วลาร์สสันก็ย้ายไปยังกรุงปารีสใน ปี ค.ศ. 1877

ช่วงเวลาดังกล่าว เป็นช่วงที่ลำบาก,เป็นศิลปินที่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าใดนัก
ลาร์สสันไม่มีความรู้สึกที่อยากจะทำความรู้จักกับศิลปิน กลุ่มอิมเพรสชันนิสม์ ได้แต่คบหากันอยู่ในหมู่ศิลปินสวีเดนด้วยกัน และ เก็บตัวตน จากขบวนการทางศิลปะที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในกรุง ปารีสในขณะนั้น

หลังจากใช้เวลาสองปีอยู่ที่บาร์บิซงซึ่งเป็นที่พำนักของศิลปินนอกสถานที่ ลาร์สสันก็กลับไปตั้งถิ่นฐานอยู่ในหมู่เพื่อนจิตรกรสวีเดนด้วยกันในปี ค.ศ. 1882 ที่เกรซ-เซอร์-ลอยนจ์ ซึ่งเป็นที่อยู่ของหมู่ศิลปินสแกนดิเนเวียนอกกรุงปารีส 

ที่เกรซ-เซอร์-ลอยนจ์ลาร์สสันได้มีโอกาสทำความรู้จักกับเพื่อนศิลปินคาริน แบร์กูอู
ต่อมาได้เป็นภรรยาของลาร์สสันฯ จุดนี้เองเป็นจุดที่เปลี่ยนชีวิต 

Karin Bergöö ภรรยาของลาร์สสัน
ที่เกรซ ลาร์สสันเขียนงานบางชิ้นที่เป็นงานสำคัญ ซึ่งเป็นงานสีน้ำที่ต่างเป็นอย่างมากจากวิธีการเขียนด้วยสีน้ำมันที่เคยเขียนมาก่อน

คาร์ลและคารินมีบุตรธิดาด้วยกันทั้งหมด แปดคน และครอบครัวกลายเป็นต้นแบบวาดอันสำคัญ
ของลาร์สสัน ในปี ค.ศ. 1888 ครอบครัวลาร์สสันก็ได้รับบ้านหลังเล็กๆ จากบิดาของคาริน
ชื่อ “Little Hyttnäs” ที่ซุนด์บอร์น คาร์ลและคารินตกแต่งบ้านตามรสนิยมศิลปินของตนเอง และตามความจำเป็นของครอบครัวที่เติบโตขึ้น

งานเขียนภาพและหนังสือเกี่ยวกับบ้านหลังนี้เป็นงานเขียนสำคัญที่สุดของการ เขียนบ้านศิลปินหลังหนึ่งในโลก ที่เป็นการถ่ายทอดรสนิยมศิลปะของผู้สร้างผู้ออกแบบ และ กลายมามีอิทธิพลต่อการออกแบบตกแต่งภายในของสวีเดนต่อมา บ้านหลังนี้ในปัจจุบันเป็นของผู้สืบเชื้อสายมาจากคาร์ลและคาริน และเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม

ความนิยมของลาร์สสันเพิ่มมากขึ้นเป็นอย่างมาก หลังจากการการพัฒนาเทคโนโลยีของการพิมพ์สี (color reproduction) 

ในคริสต์ทศวรรษ 1890 เมื่อนักพิมพ์สวีเดนบอนนิเยร์ตีพิมพ์หนังสือที่เขียนและวาดภาพประกอบโดยลาร์ สสันที่ประกอบด้วยภาพพิมพ์สีอันสมบูรณ์ของงานสีน้ำ เช่นภาพ “บ้าน” 

แต่ราคาการตีพิมพ์ด้วยเทคนิคดังกล่าวก็ยังสูงอยู่จนกระทั่งมาถึงปี ค.ศ. 1909 เมื่อมาพิมโดยสำนักพิมพ์เยอรมันของคาร์ล โรเบิร์ต ลางวีชเชอร์ (ค.ศ. 1874–ค.ศ. 1931) ราคาจึงได้ต่ำลง 

งานพิมพ์ที่เลือกสรรมาจากบทประพันธ์, ภาพวาดลายเส้น และ จิตรกรรมสีน้ำ “Das Haus in der Sonne” (ไทย: บ้านท่ามกลางแสงแดด) กลายเป็นงานขายดีอันดับหนึ่งในเยอรมนีในปีนั้น 

ที่ขายได้เป็นจำนวนถึง 40,000 เล่มภายในสามเดือน และตีพิมพ์ใหม่อีก 40 ครั้งมาจนถึงปี ค.ศ. 2001 ซึ่งสร้างความพึงพอใจให้แก่สองสามีภรรยาเป็นอันมาก

นอกจากนั้นก็ยังวาดภาพชุดเรื่อง (sequential picture stories) ซึ่งทำให้ลาร์สสันกลายเป็นหนึ่งในนักวาดภาพคอมมิคคนแรกคนหนึ่งของสวีเดน


ลาร์สสันถือว่างานขนาดใหญ่เช่นงานจิตรกรรมฝาผนังที่ เขียนในสถานศึกษา, พิพิธภัณฑ์ และ สิ่งก่อสร้างสาธารณะอื่นๆ เป็นงานสำคัญที่สุดที่ทำ งานขนาดใหญ่ชิ้นสุดท้ายที่เขียนคือ “Midvinterblot” (ไทย: กลางฤดูหนาว)

ซึ่งเป็นงานจิตรกรรมสีน้ำมันที่มีขนาด 6x14 เมตร ที่เขียนเสร็จในปี ค.ศ. 1915 ภาพนี้เป็นภาพที่ได้รับการจ้างให้เขียนสำหรับผนังพิพิธภัณฑ์วิจิตรศิลป์แห่งชาติแห่งสวีเดน

ที่มีจิตรกรรมฝาผนังอื่นๆ ของลาร์สสันอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว แต่เมื่อเขียนเสร็จกลับไม่ได้รับการยอมรับโดยคณะกรรมการของพิพิธภัณฑ์ ภาพเขียนภาพนี้เป็นภาพพิธีเบลิท (Blót) ของพระเจ้าโดมาลเดอที่เทวสถานอุปซอลา

 ผลงาน


“Modellen skriver vykort”
“นางแบบเขียนโปสการ์ด”
ค.ศ. 1906
“Midvinterblot”
“Lathörnet”
“มุมนั่งเล่น”
ค.ศ. 1894
“Mammas och småflickornas rum”
“แมมมาสในห้อง”
ค.ศ. 1897
“เช้าวันคริสต์มัส”
ค.ศ. 1894
“Lisbeth fiskar”
“ลิสเบ็ธตกปลา”
ค.ศ. 1898
“ฤดูร้อน”
“อาหารเช้านอกสถานที่”
 บริตากับฉัน ค.ศ. 1895
ภาพเหมือนตนเอง
 “ออสคาร์ เลเวอร์ทัน”
ค.ศ. 1906